Shopee คือ ตลาดขายของที่เป็นคนกลางในโลกออนไลน์ เน้นการซื้อ – ขายแบบโซเชียล ซึ่งเน้นการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ หน้าเว็บไซต์ออกแบบมาให้ลูกค้าทุกคนเลือกดูพร้อมซื้อ – ขายได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังสนับสนุนทางด้าน Logistics เพื่อให้การซื้อ – ขายออนไลน์กลายเป็นเรื่องที่สะดวกมากกว่าที่เคย
มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสิงคโปร์
โดย Shopee มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสิงคโปร์ จนกระทั่งลามเข้ามาในประเทศไทย ซึ่ง Shopee ในประเทศไทยจัดเป็น 1 ในประเทศในโซนภูมิภาคอาเซียน ที่เจริญเติบโตอย่างเร็วมากๆ Shopee เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม พ.ศ.2558 ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่าถึง 4 ล้านคน ภายในระยะเวลาแค่ 2 ปีเท่านั้น อีกทั้งยังมีสินค้าให้เลือกซื้อมากกว่า 3 ล้านรายการ โดยเติบโตเร็วกว่า Lazada ซึ่งเข้ามาทำตลาดก่อนแบบมาแรงแซงทางโค้ง สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Shopee มีความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ในท้องตลาด คือ เรื่องของความรวดเร็วและความปลอดภัย ตลอดจนนำเสนอสินค้าในราคาที่ถูกกว่าเจ้าอื่น
ความสะดวกรวดเร็ว – ผู้ซื้อติดต่อกับผู้ขายได้โดยตรงผ่านทางข้อความ LiveChat โดยในช่องทางนี้คุณสามารถใช้สอบถามรายละเอียดของสินค้าได้
ความปลอดภัย – การซื้อ-ขาย ผ่าน Application ที่เชื่อถือได้ โดยมี Shopee เป็นตลาดคอยเชื่อมต่อ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดปัญหาคุณก็สอบถามทาง Shopee ได้โดยตรงเลย
สินค้าถูกกว่า – โดยทาง Shopee มีความพิเศษ คือ มีการแจกโค้ดส่วนลดอยู่เป็นประจำ ซึ่งทางด้านผู้ขายเองก็ลดเองได้เช่นเดียวกัน หากแต่ส่วนนี้ก็เรียกได้ว่ามีการแข่งขันกันสูงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในส่วนของทางคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง Lazada เองก็ตาม
ณ ปัจจุบันนี้ บริษัท Shopee มีให้บริการอยู่ 7 ประเทศ ซึ่งประเทศล่าสุดคือประเทศไทย โดยเพียงเปิดมาแค่ครึ่งปี ก็จำนวนผู้สมัครเข้ามาใช้งานมากกว่า 4 ล้านราย หากแต่ทางผู้ให้บริการก็ยังไม่ได้คัดกรองว่าผู้ที่สมัครเข้ามาเป็นผู้ซื้อ –ผู้ขาย สัดส่วนใดมีจำนวนมากกว่ากัน
รูปแบบการดำเนินธุรกิจของ Shopee
สำหรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจของ Shopee เกิดขึ้นระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภคเป็นหลัก ซึ่งต่อมาทาง Shopee ก็เห็นโอกาสนี้นำมาเพิ่มช่องทางตลาดระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค ในรูปแบบที่มีความผสมผสานกัน โดยเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับคู่แข่งแล้ว ข้อดีของ Shopee ก็คือ ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม รวมทั้งค่า Commission กับผู้ขาย และตรงจุดนี้จึงจัดเป็นข้อได้เปรียบข้อหนึ่ง ระหว่างผู้ที่มาลงขายสินค้ากับทาง Shopee หากแต่ต่อมามีค่าใช้จ่ายต่างๆ เข้ามามากมาย จึงทำให้ Shopee เกิดการเปลี่ยนแปลงกติกาตรงจุดนี้ใหม่ ด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 2 จากผู้ขาย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป หากแต่ยกเว้นช่องทางหนึ่งนั่นก็ คือ AirPay ที่ผูกมิตรโดยตรงกับ Shopee ก็จะไม่มีการเรียกเก็บเงินตรงส่วนนี้อีกต่อไป และยังทำหน้าที่เป็น Asset Light Marketplace เนื่องจากการดำเนินงานของ Shopee ไม่มีคลังสินค้า อีกทั้งยังเป็นการผูกสัมพันธมิตรกับผู้ให้บริการมากกว่า 70 แห่ง โดยมีการสนับสนุนทางด้าน Logistics ให้แก่ผู้ใช้บริการ สำหรับในประเทศไทยทางด้านการขนส่ง Shopee ก็ได้ประสานงานกับบริษัทขนส่งชั้นนำภายในประเทศต่างๆ มากมาย เช่น ไปรษณีย์ไทย/Kerry Express และ DHL Express โดยมีเป้าประสงค์ในการรับสินค้าและจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วและมีคุณภาพสินค้าไม่เสียหาย
หากแต่อย่างไรก็ตามถึงแม้อุตสาหกรรม E-Commerce จะขึ้นแท่นกลายเป็นการค้าขายที่ฮิตติดความสนใจแห่งอนาคตซึ่งโดนใจคนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังส่อเค้าแววว่าน่าจะเข้ามาแทนที่ Modern Trade หากแต่ในเรื่องของแต่ล่ะวัฒนธรรม ในแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกันเป็นอย่างยิ่ง เช่น ชาวสิงคโปร์นิยมเดินห้างเพื่อจับจ่ายซื้อของเป็นหลัก ส่วนวัฒนธรรมของคนไทยนิยมเดินห้างเนื่องจากพาครอบครัวไปเที่ยวดูสิ่งของสวยงาม เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ความแตกต่างทางวัฒนธรรม จึงเป็นเรื่องที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นคุณการตามกระแสของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก