ตั้งแต่โลกเปิดตัวเฟสบุ๊ค อินสตราแกรม และโซเชียลมีเดียอื่นๆอีกมากมาย โลกก็เหมือนเปิดกว้างให้กับการขายของออนไลน์ให้มากขึ้นด้วย มีหลายคนที่เปลี่ยนสถานะตัวเองเป็นเศรษฐีจากการขายของออนไลน์มานักต่อนักแล้ว หากเราเป็นคนหนึ่งที่อยากจะทำอย่างนั้นบ้าง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เรามีคำแนะนำจากกูรูมาบอกว่า ขายของออนไลน์ยังไงให้ปัง
ออนไลน์ + ออฟไลน์
การขายของออนไลน์ หลายคนอาจจะคิดว่าต้องอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ต หรือ โซเชียลมีเดีย อย่างเดียว แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วการขายของออนไลน์ตอนนี้หากอยากให้ปัง เราอาจจะต้องใช้วิธีออฟไลน์พ่วงเข้าไปด้วย เพื่อเป็นการกระจายสินค้าและทำความรู้จักกับลูกค้าให้มากขึ้น เมื่อก่อนอาจจะขายเสื้อผ้าแต่ในร้านค้าออนไลน์ แต่ตอนนี้เราอาจจะต้องเปิดหน้าร้านเพื่อขายสินค้า หากไม่มีอาจจะต้องเจียดเวลาไปออกบูธเปิดร้านเพื่อให้ลูกค้ารู้จัก ไปแจกเบอร์ แจกไลน์ ก็ได้เมื่อเราได้ฐานลูกค้ามาแล้วก็จะดีขึ้น
ฐานลูกค้า เรื่องสำคัญ
การขายของออนไลน์ยุคนี้ การสร้างฐานลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญมาก หากเรามีฐานลูกค้าอยู่ในมือ เราก็จะสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง ไม่ต้องไปใช้โซเชียลอีกแล้ว ลองนึกภาพตามนะว่า เรามีคอลเลคชั่นเสื้อผ้ามาใหม่ เราถ่ายรูปแล้วแชร์ไปให้ลูกค้าเรา 200 คน เราก็อาจจะขายได้อย่างน้อย ร้อยละ 10 = 20 คน เป็นอย่างน้อยแล้ว ยังไม่นับการแชร์ต่อของลูกค้าอีก เห็นไหมว่าไม่ต้องโฆษณาอะไรเลย ถ้าฐานลูกค้าเรามีทุกอย่างจะรันไปตามระบบของมันเอง
ราคาต้องพอดี
เราจะเห็นว่าสงครามการค้าออนไลน์นั้นตอนนี้เดือดระอุจริงๆ ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้านั่นคือเรื่องของราคาสินค้าของเรา ดังนั้นเราต้องตั้งราคาให้สมเหตุสมผลไว้ก่อน หากเราตั้งราคาถูกเกินไป ลูกค้าก็อาจจะสงสัยได้ว่าเราซื้อของเกรดถูกมาขาย หรืออาจจะเป็นของปลอม จนไม่กล้าซื้อ หรือ ซื้อแต่เราได้กำไรน้อยเกินไปไม่คุ้มทุน กลับกันหากตั้งแพงเกินไปลูกค้าก็จะพาลหนีเราไป อย่าลืมว่าเดี๋ยวนี้ลูกค้าจะเทียบราคาสินค้าก็ง่ายนิดเดียว
คอนเทนต์ต้องมีตลอด
จากข้างต้นกล่าวไปแล้วว่า ฐานลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ นั่นทำให้เราต้องมีการรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ให้มั่น หนึ่งในวิธีสุดคลาสสิค เราต้องมีการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดลูกค้าเอาไว้เสมอ การสร้างคอนเทนต์จะทำให้เรากับลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น คอนเทนต์ก็อย่างเช่น บทความ คลิปเกี่ยวกับสินค้า เรื่องราวเกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับสินค้า หรือกระแสในช่วงนั้น การจัดโปรโมชั่น การไลฟ์สดแนะนำสินค้า การจัดประมูลสินค้า และอีกมากมาย เรื่องเหล่านี้ต้องทำเป็นประจำบางครั้งลูกค้าก็ยังไม่ได้ซื้อสินค้าเราในทันที แต่คอนเทนต์อาจจะทำให้เกิดความต้องการของลูกค้าก็เป็นได้